สำหรับประเพณีทางศาสนาของหมู่บ้านม่วงลายทั้งหมู่ 7 และหมู่ 9 มีการปฏิบัติสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันตามหลักพุทธศาสนา รวมทั้งประเพณีวัฒนธรรมของภาคอีสาน “ประเพณีฮีตสิบสอง คองสิบสี่” เป็นประเพณีที่ชาวบ้านปฏิบัติกันมาในโอกาสต่าง ๆ ทั้งสิบสองเดือนของแต่ละปี เป็นการผสมผสานพิธีกรรมที่เกี่ยวกับเรื่องผีและพิธีกรรมทางการเกษตร เข้ากับพิธีกรรมทางพุทธศาสนา
ฮีตสิบสอง มาจากคำ 2 คำ คือ ฮีต กับ สิบสอง ฮีตมาจากคำว่า จารีต หมายถึงสิ่งที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาจนกลายเป็นประเพณีที่ดีงาม ชาวอีสาน เรียกว่า จาฮีต หรือฮีต สิบสองในหนึ่งปี
คองสิบสี่ หมายถึง ครองธรรม 14 อย่าง เป็นกรอบหรือแนวทางที่ใช้ปฏิบัติระหว่างกัน ของผู้ปกครองกับผู้ใต้ปกครอง พระสงฆ์ และระหว่างบุคคลทั่วไป เพื่อความสงบสุขร่มเย็นของบ้านเมือง
ประเพณีฮีตสิบสอง คองสิบสี่ และประเพณี วัฒนธรรมของหมู่บ้านแต่ละเดือนถูกจัดแบ่งไว้ดังนี้
ตาราง แสดงประเพณีและวัฒนธรรมของหมู่บ้านบ้านม่วงลายหมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 9
เดือนไทย | เดือนลาว | วัฒนธรรมประเพณี | ความเชื่อ |
มกราคม | เดือนยี่ (เดือนสอง) | บุญคูนลาน | “คูณลาน” หมายถึง การเพิ่มเข้าให้เป็นทวีคูณ หรือทำให้มากขึ้น คำว่า “ลาน” คือสถานที่สำหรับนวดข้าว การนำข้าวที่นวดแล้วกองขึ้นให้สูง เรียกว่า “คูณลาน” เชื่อว่าผู้ใดทำนาได้ข้าวมาก ๆ ก่อนหาบหรือขนข้าวมาใส่ยุ้งฉางก็ต้องทำบุญ เพื่อเป็นสิริมงคลให้เพิ่มความมั่งมีศรีสุขแก่ตนและครอบครัว |
ทำบุญขึ้นปีใหม่ | สวดมนต์ข้ามปี 31 ธันวาคม-1 มกราคม โดยมีความเชื่อว่า เมื่อก้าวถึงปีใหม่ เราจะลาปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ด้วยหัวใจเปี่ยมความหวัง ที่จะก้าวผ่านปีด้วยความสุข พร้อมกับสร้างโอกาสที่จะช่วยให้มั่นใจว่าในปีใหม่จะได้รับสิ่งที่ดีดี มีความเจริญก้าวหน้า ด้วยการทำบุญ การไหว้พระ การปฏิบัติธรรม การสวดมนต์ การให้การเผื่อแผ่แก่คนอื่น และการบำเพ็ญประโยชน์ | ||
กุมภาพันธ์ | เดือนสาม | บุญข้าวจี่ | เรียกว่าวันทำบุญในวันมาฆบูชา “ข้าวจี่” คือเอาข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนเอาไม้เสียบย่างไฟ เมื่อข้าวสุกเกรียมแล้วก็เอาไข่ซึ่งตีไว้แล้วทาแล้วย่างซ้ำอีกกลายเป็นไข่เคลือบข้าวเหนียว เสร็จแล้วถอดไม้ออกแล้วเอาน้ำอ้อยหรือน้ำตาลที่เป็นก้อนยัดใส่แทนกลายเป็นข้าวเหนียวยัดไส้ แล้วถวายพระเณรฉันตอนเช้า ส่วนมากชาวบ้านจะรีบทำแต่เช้ามืด พอสว่างก็ลงศาลาการเปรียญ (ชาวบ้านเรียกหอแจก) นิมนต์พระเณรเจริญพระพุทธมนต์แล้วฉัน เป็นทั้งงานบุญและงานรื่นเริงประจำแต่ละหมู่บ้าน เพราะได้ทำข้าวจี่ไปถวายพระหลังจากพระฉันแล้วก็เลี้ยงกันเองสนุกสนาน เดือนนี้ชาวนาส่วนใหญ่ถือกันตั้งแต่โบราณมาว่าเป็นเดือนสู่ขวัญข้าว คือมีการถวายข้าวเปลือกพระและนิยมทำบุญบ้าน สวดมนต์เสร็จพิธีสงฆ์ แล้วก็สู่ขวัญข้าวตามธรรมเนียมพราหมณ์ บางบ้านก็ทำเล็กน้อยพอเป็นพิธี คือเอาข้าวไปถวายสงฆ์แล้วทำพิธีตุ้มปากเล้าเล็กน้อยเป็นการบูชาคุณของข้าวในเล้าหรือยุ้ง |
เลี้ยงปู่ตา |
ดอกไม้ 1 คู่ โดยเงิน 20 บาทนั้นจะนำไปซื้อของเพื่อประกอบอาหารเลี้ยงปู่ตารวมทั้งชาวบ้านที่ไปประกอบพิธี |
||
มีนาคม | เดือนสี่ | บุญพระเวส | เรียกกันโดยทั่วไปว่า “บุญมหาชาติ” พุทธศาสนิกชนจะเก็บดอกไม้เหล่านี้ มาร้อยเป็นมาลัยเพื่อตกแต่งศาลาการเปรียญสำหรับบุญมหาชาติและในงานนี้ก็จะมีการเทศน์มหาชาติ ซึ่งถือว่าเป็นงานอันศักดิ์สิทธิผู้ใดฟังเทศน์มหาชาติจบภายในวันเดียว และบำเพ็ญคุณงามความดี จะได้อานิสงส์ไปเกิดในภพหน้า งานมหากุศล ให้รำลึกถึงการบำเพ็ญบุญ คือ ความดีที่ยิ่งยวด อันมีการสละความเห็นแก่ตัวเพื่อผลคือ ประโยชน์สุขอันไพศาลของมวลชนมนุษย์ชาติ เป็นสำคัญ ดังนั้น บรรพชนชาวไทยอีสานแต่โบราณ จึงถือเป็นเทศกาลที่ประชาชนทั้งหลายพึงสนใจร่วมกระทำบำเพ็ญ และได้อนุรักษ์สืบทอดเป็นวัฒนธรรมสืบมา |
ผ่าปลา | เป็นประเพณีที่ชุมชนลงจับปลาที่หนองปลาดุก โดยเก็บค่าอุปกรณ์ในการจับปลา อุปกรณ์ละ 100 บาท เงินรายได้ที่ได้จากการจับปลาก็จะนำไปซื้อลูกพันธุ์ปลามาปล่อยและเลี้ยงไว้จนกว่าจะจับใหม่ในปีถัดไป และส่วนที่เหลือเก็บไว้ในการพัฒนาหมู่บ้านหรือการทำกิจกรรมร่วมกันของชาวบ้าน | ||
ผีฟ้า | เป็นประเพณีที่จัดทุกปี ในปี 2562 จัดขึ้นในวันที่ 7 มีนาคม “ผีฟ้า” นั้น ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเทวดา ผีฟ้าจึงเป็นผีที่อยู่ระดับสูงกว่าผีชนิด อื่น ๆ ผีฟ้าสามารถที่จะ ดับยุคเข็ญหรือทำลายล้างอุปสรรคต่าง ๆ ได้ และสามารถที่จะช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนได้ การที่ชาวบ้านเกิดการเจ็บป่วยนั้นเนื่องจากไปละเมิดต่อผี การละเมิดต่อบรรพบุรุษ การรักษาต้องมีการเชิญผีฟ้ามาสิงสถิตอยู่ในร่างของคนทรง เรียกว่า “ผีฟ้า นางเทียน” ในการลำผีฟ้าของชาวอีสานนั้นมีองค์ประกอบ ทั้งหมด 4 ส่วนคือ หมอลำ ผีฟ้า หมอแคน ผู้ป่วย และเครื่องคาย สาเหตุที่มีการฟ้อนรำกันเพื่อเป็นการทำให้คนไข้มีพลังจิตในการต่อสู้กับการเจ็บป่วย มีอารมณ์ผ่อนคลาย ความตึงเครียด จิตใจปลอดโปร่ง ไร้วิตกกังวล และสร้างจิตสำนึกด้านความกตัญญู เป็นคตินิยมของวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้สืบทอดต่อกันมาจนกลายเป็น ประเพณี จะเห็นว่าผีฟ้านั้น เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมนุษย์ โดยมีคติเตือนใจว่า “คนไม่เห็น ผีเห็น” | ||
หมอเหยา | เป็นการผูกแขนให้อยู่ดีมีแฮง เพราะเชิญผีฟ้าลงมาเพื่อให้มาช่วยเลี้ยงดู ความเชื่อเกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วยเด็กและคนแก่ | ||
เมษายน | เดือนห้า | สงกรานต์ | การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ สังคมไทยสมัยใหม่เกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว มีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข |
ปล่อยปลา | เป็นประเพณีของชาวบ้านที่มีการจัดทำขึ้นในทุก ๆ ปีเพื่อนำลูกปลาที่หลากหลายชนิด ปล่อยลงไปในบ่อน้ำของชุมชนและเมื่อระยะเวลาผ่านไป 1 ชาวบ้านจะมีการนำปลาที่ปล่อยขึ้นมาขายเพื่อหารายได้เข้าสู่ชุมชน โดยการให้ชาวบ้านในชุมชนและละแวกใกล้เคียงจ่ายค่าอุปกรณ์จับปลาแค่ 100 ต่อ 1 อุปกรณ์เท่านั้น | ||
วันผู้สูงอายุ | เป็นการช่วยกันส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี มีคุณภาพ และดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข ดังคำกล่าวที่ว่า”ให้ความรัก พิทักษ์อนามัย ผู้สูงวัยอายุยืน” | ||
พฤษภาคม | เดือนหก | บุญบั้งไฟ | เป็นการบูชา พญาแถน หรือเทพวัสสกาลเทพบุตร ซึ่ง ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พระยาแถนมีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล และมีความชื่นชอบไฟเป็นอย่างมาก หากหมู่บ้านใดไม่จัดทำการจัดงานบุญบั้งไฟบูชา ฝนก็จะไม่ตกถูกต้องตามฤดูกาล อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติกับหมู่บ้านได้ |
มิถุนายน | เดือนเจ็ด | บุญซำฮะ | เป็นความเชื่อเรื่องการปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากหมู่บ้าน |
กรกฎาคม | เดือนแปด | เข้าพรรษา | การเข้าพรรษานี้ถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยตรง พระสงฆ์จะไม่จำพรรษาไม่ได้ โดยมีระยะเวลาเข้าพรรษาประมาณ 3 เดือนในช่วงฤดูฝน โดยวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8) ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งพระมหากษัตริย์และคน ทั่วไปได้สืบทอดประเพณีปฏิบัติการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านานแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย เพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแพร่ศาสนาไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกลงแปลงในฤดูฝน |
สิงหาคม | เดือนเก้า | บุญข้าวประดับดิน | “บุญเดือนเก้า” บุญข้าวประดับดิน เป็นบุญที่ทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ เปรต หรือญาติมิตรที่ตายไปแล้ว ข้าวประดับดิน ได้แก่ ข้าวและอาหารคาวหวาน พร้อมหมากพลู บุหรี่ที่ห่อด้วยใบตอง กล้วย นำไปวางไว้ตามใต้ต้นไม้ แขวนไว้ตามกิ่งไม้ ตามบริเวณกำแพงวัดบ้าง (คนอีสานโบราณเรียกกำแพงวัดว่า ต้ายวัด) หรือวางไว้ตามพื้นดิน เรียกว่า “ห่อข้าวน้อย” พร้อมกับเชิญวิญญาณของญาติมิตร นำภัตตาหารไปถวายแด่พระภิกษุ สามเณร แล้วอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ตาย โดยหยาดน้ำ (กรวดน้ำ) ไปให้ด้วย โดยเชื่อว่าญาติที่ตายไปแล้วจะได้รับการปลดปล่อยจากนรก จะได้มากินในวันนี้ |
กันยายน | เดือนสิบ | บุญข้าวสาก | ชาวบ้านจะจัดทำข้าวปลาอาหาร และเครื่องไทยทานต่าง ๆ อุทิศให้ ผู้ล่วงลับไปแล้ว จะทำสากหรือสลาก มีคำอุทิศส่วนกุศลใส่กระดาษบันทึกชื่อ ผู้มีจิตศรัทธาบริจาค และความประสงค์ว่าจะบริจาคทานให้แก่ผู้ใด โดยบอกชื่อผู้ที่จะ มารับส่วนกุศลด้วย มีจุดประสงค์สำคัญ เพื่อมุ่งอุทิศส่วนกุศลให้ญาติสนิท เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย บิดา มารดา สามี ภรรยา พี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว และอาจอุทิศให้เปรตทั่วไปด้วย |
ตุลาคม | เดือนสิบเอ็ด | ออกพรรษา | เป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาจำพรรษา 3 เดือนของพระสงฆ์เถรวาท โดยเป็นวันที่พระสงฆ์จะทำสังฆกรรม คือ การปวารณาในวันนี้ เป็นการให้โอกาสแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ร่วมกันตลอด 3 เดือน สามารถว่ากล่าวตักเตือนและชี้ข้อบกพร่องแก่กันและกันได้โดยเสมอภาค ด้วยจิตที่ปรารถนาดีซึ่งกันและกัน เพื่อให้พระสงฆ์ที่ถูกตักเตือนมีโอกาสรับรู้ข้อบกพร่องของตนและนำข้อบกพร่องไปแก้ไขปรับปรุงตัวให้ดียิ่งขึ้น |
|
|||
พฤศจิกายน | เดือนสิบสอง | บุญกฐิน |
“กฐิน” เป็นชื่อเรียกผ้าไตรจีวรที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว สามารถรับมานุ่งห่มได้ การทำบุญกฐินนั้นมีกำหนดระยะเวลาถวายเพียง 1 เดือน คือตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (วันเพ็ญเดือน 12) เท่านั้นระยะเวลานี้เรียกว่า กฐินกาล คือระยะเวลา ทอดกฐิน หรือ เทศกาลทอดกฐิน ชาวบ้านเชื่อว่า 1. เป็นการสงเคราะห์พระภิกษุที่จำพรรษาครบถ้วนไตรมาสให้ได้รับอานิสงส์ตามพุทธบัญญัติ 2. เป็นการเทิดทูนพระพุทธบัญญัติเรื่องกฐินให้คงอยู่สืบไป นับได้ว่าบูชาพระพุทธศาสนาด้วยการปฏิบัติบูชาส่วนหนึ่ง 3. สืบต่อประเพณีกฐินทาน มิให้เสื่อมสลายไปจากวัฒนธรรมประเพณีของคนไทย ซึ่งบรรพบุรุษนำสืบต่อกันมามิขาดสาย 4. การทอดกฐินเป็นการถวายทานโดยไม่เจาะจงบุคคลโดยเฉพาะ แต่ถวายแก่หมู่สงฆ์เป็นส่วนรวมจึงเข้าลักษณะเป็นสังฆทานที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ ว่ามีผลานิสงส์มาก 5. การร่วมบำเพ็ญกฐินทาน เป็นกาลทานคือเป็นทานที่ถวายได้ภายในเวลาที่มีพระพุทธานุญาตกำหนด จึงมีอานิสงส์เป็นพิเศษ 6. ในการทอดกฐิน ส่วนใหญ่เป็นการร่วมมือร่วมใจกันของคนจำนวนมากเพื่อสร้างความดีงาม จึงเป็นการเสริมสร้างพลังสามัคคีขึ้นในสังคมอีกทางหนึ่งด้วย |
ลอยกระทง | เป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก | ||
ธันวาคม | เดือนอ้าย | บุญเข้ากรรม | เป็นบุญที่ทำในเดือนแรกของปีที่ชาวบ้านจะต้องประกอบพิธีบุญกันจนเป็นประเพณีซึ่งอาจจะเป็นข้างขึ้นหรือข้างแรมก็ได้ พิธีบุญนี้จะเกี่ยวกับพระโดยตรงซึ่งความจริงน่าจะเป็นเรื่องของสงฆ์โดยเฉพาะ แต่มีความเชื่อกันว่าเมื่อทำบุญกับพระที่ทำพิธีนี้จะทำให้ได้อานิสงส์มาก |
บุญกองข้าว | วันที่ 31 เดือนธันวาคมของทุกปี เพื่อเป็นการขอบคุณลานข้าวและฉลองกุ้มข้าว (กองข้าวเปลือก) ของตน และการนำข้าวของตนมาทาน เป็นการทำบุญก่อนนำข้าวมารับประทาน โดยชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกของตน คนละเล็กคนละน้อยไปกองรวมกันที่ศาลากลางบ้าน เป็นกองข้าวขนาดใหญ่เรียกว่า “ กุ้มข้าว ” แล้วนิมนต์พระสงฆ์มาทำบุญถวายทานตามประเพณีเสร็จแล้วก็ถวายข้าวเปลือกนั้นให้แก่คณะสงฆ์ และแล้วแต่จะจัดการกันอย่างไรตามที่เห็นสมควรที่ไม่ขัดต่อสมณวิสัย | ||
ส่งท้ายปีเก่า | เป็นการลาปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ด้วยหัวใจเปี่ยมความหวัง ที่จะก้าวผ่านปีด้วยความสุข พร้อมกับสร้างโอกาสที่จะช่วยให้มั่นใจว่า ในปีใหม่จะได้รับสิ่งที่ดีดี มีความเจริญก้าวหน้า ด้วยการทำบุญ การไหว้พระ และการบำเพ็ญประโยชน์ |
ศาสนา
ชาวบ้านในหมู่บ้านม่วงลายทั้ง 2 หมู่บ้านนับถือศาสนาพุทธ วัดมี 1 แห่ง คือ วัดม่วงลายอนงคาราม และ ที่พักสงฆ์ 1 แห่ง คือ ที่พักสงฆ์บ้านม่วงลาย เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้ง 2 หมู่บ้านและหล่อหลอมให้ทั้ง 2 หมู่บ้าน รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อสืบทอดและดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ประเพณีของวิถีชาวพุทธ
วัดม่วงลายอนงคาราม ตั้งอยู่ที่บ้านม่วงลายหมู่ 9 มีการจดทะเบียนวัด โดยมีการก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2419 ปัจจุบัน มีพระครูสุพัฒน์ วรธรรม (พระสมัย จันทรังษี) เป็นเจ้าอาวาส
ที่พักสงฆ์บ้านม่วงลาย ตั้งอยู่บ้านม่วงลายหมู่ที่ 7 ยังไม่มีการจดทะเบียนเป็นสำนักสงฆ์หรือวัด
นอกจากจะมีวัดและที่พักสงฆ์ที่เป็นเสมือนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านม่วงลายทั้งสองหมู่บ้านให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว
ชาวบ้านม่วงลายยังมีปู่ตาที่นับถือและคนในหมู่บ้านเคารพ เนื่องจากเชื่อว่าปู่ตาจะปกปักษ์รักษาให้คนในหมู่บ้านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย และคอยคุ้มครองให้คนในหมู่บ้านปลอดภัยจากสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ดีได้ และในหมู่บ้านทั้ง 2 หมู่ยังคงมีการสืบทอดประเพณี “ผีฟ้า และผีหมอ” ที่เชื่อว่าเป็นผีฟ้าเป็นเทวดาสามารถที่ดับยุคเข็ญหรือทำลายล้างอุปสรรคต่าง ๆ ได้ และสามารถที่จะช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนได้ การที่ชาวบ้านเกิดการเจ็บป่วยได้